10 สัญญาณ บอกโรคเบาหวาน
ปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นโรคที่ตรวจพบได้มากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนละเลยที่จะดูแลสุขภาพของตนเอง โดยโรคเบาหวานนี้ ผู้ป่วยหลายต่อหลายคนก็แทบไม่รู้ตัวว่าตนเองได้เป็นโรคนี้เข้าแล้ว พอตรวจพบเมื่อสายเกินไป เบาหวานก็ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพไปมากมายแล้ว
นอกจากวิถีชีวิตจะส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานแล้ว ความผิดปกติของตับอ่อนก็ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้เช่นกัน เมื่อตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างปกติ การเผาผลาญน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงานก็ทำได้ยากขึ้น เกิดการสะสมเป็นน้ำตาลในอวัยวะต่าง ๆ เมื่อน้ำตาลสะสมในเลือดมากเกินกว่าปกติ ก็จะถูกขับถ่ายมาในปัสสาวะ
โรคเบาหวานนั้นเมื่อเป็นแล้วก็ยากที่จะรักษาหายขาด นอกจากนี้ยังเป็นโรคทางพันธุกรรมอีกด้วย ทั้งนี้เบาหวานยังสามารถเกิดได้แม้คนในครอบครัวไม่มีประวัติการเป็นโรคนี้ เพราะวิถีชีวิตมีผลในการเกิดโรคเบาหวานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การออกกำลังกายรวมไปถึงการใช้ยาบางชนิด
โรคเบาหวานนั้นสามารถจำแนกออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. เบาหวานชนิดที่ต้องพึ่งพาอินซูลิน
2. เบาหวานชนิดที่ไม่ต้องพึ่งพาอินซูลิน
โดยเบาหวานชนิดที่ 2 จะมีความรุนแรงน้อยกว่า และพบได้เกือบทุกวัย ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ตับอ่อนยังคงสามารถสร้างอินซูลินได้ แต่สร้างได้ไม่เพียงพอต่อร่างกาย
ทั้งนี้คุณสามารถเฝ้าสังเกตอาการเบื้องต้นของการเป็นโรคเบาหวานได้ดังนี้
1. ปัสสาวะบ่อยและหิวน้ำบ่อย
เมื่อร่างกายต้องขับปริมาณน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติออกมาทางปัสสาวะ คุณก็จะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น โดยเฉพาะในเวลากลางคืน นอกจากนี้คุณจะรู้สึกหิวน้ำบ่อยขึ้น เนื่องจากร่างกายต้องการชดเชยน้ำที่สูญเสียไป แต่หากคุณสามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้ปกติได้ อาการเหล่านี้ก็จะเบาบางลง
2. น้ำหนักลด
เมื่อร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็จะเริ่มดึงโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานแทน ส่งผลให้น้ำหนักของคุณลดลงอย่างผิดปกติ หากคุณมีน้ำตาลในเลือด สูงมาก น้ำหนักคุณอาจจะลดลงไปถึง 5 -10 กิโลกรัม ภายในเวลา 2-3 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ไตของคุณอาจจะต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะร่างกายเผาผลาญแคลอรี่มากเกินไป
3. หิวบ่อย
เมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำ ร่างกายก็จะต้องการอาหารเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้คุณรู้สึกหิวบ่อย ๆ
4. ผิวหนังมีปัญหา
เมื่อคุณเป็นเบาหวาน จะส่งผลให้คุณภาพของผิวคุณเปลี่ยนไป โดยอาจจะเกิดอาการคันบนผิวหนัง หรือมีอาการผิวแตกร่วมด้วย ผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะดื้ออินซูลินในร่างกาย จะพบรอยดำคล้ำที่บริเวณคอหรือใต้รักแร้อีกด้วย
5. บาดแผลหายช้า
น้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปจะขัดขวางการทำงานของหลอดเลือด รวมถึงทำให้หลอดเลือดเสียหาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณแผลได้น้อย ส่งผลให้เมื่อคุณเป็นแผล หรือมีอาการฟกช้ำ ก็จะหายได้ช้ากว่าปกติ มากไปกว่านั้นหากคุณดูแลตนเองไม่ดีพอก็อาจเกิดเป็นแผลติดเชื้อและเกิดเป็นเนื้อตาย
6. ติดเชื้อราง่าย
ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลงเมื่อเป็นโรคเบาหวาน ส่งผลให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเชื้อราแคนดิดา เนื่องจากเชื้อราต่าง ๆ มักเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่ อุดมไปด้วยน้ำตาล ทั้งนี้สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาฆ่าเชื้อ รวมไปถึงการควบคุมระดับน้ำตาล
7. อ่อนเพลีย ฉุนเฉียวง่าย
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อทุกระบบในร่างกาย รวมไปถึงสถาวะอารมณ์ด้วย แต่เมื่อร่างกายขับน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะจนระดับน้ำตาลกลับเข้าสู่
ระดับปกติแล้ว อาการอ่อนเพลียและฉุนเฉียวก็จะหายไป
8. มองไม่ชัด
ผลข้างเคียงของระดับน้ำตาลในเลือดที่มากเกินกว่าปกติ จะส่งผลกระทบต่อสายตา ทำให้คุณมองไม่ชัด เห็นแสงวูบวาบ และเห็นอะไรลอยไปลอยมาในดวงตา หากคุณปล่อยปละเลย อาการเหล่านี้ ก็อาจจะพัฒนากลายเป็นตาบอดได้
9. ชาตามปลายมือปลายเท้า
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน ระบบการทำงานของประสาทจะถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า ดังนั้นคุณจึง ควรดูแลปริมาณน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสม อีกทั้งรับประทานวิตามินบีควบคู่กันไป
10. น้ำตาลในเลือดสูง
หากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเกินกว่า 99 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร นั่นแปลว่า คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และหากระดับน้ำตาลสูงกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร นั่นอาจจะ แปลว่าคุณเป็นโรคเบาหวาน ทั้งนี้การตรวจเลือดของคุณควรมีการงดอาหารและน้ำล่วงหน้าอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
หากคุณพบว่าตนเองมีอาการดังที่กล่าวมาเบื้องต้นนี้ อาจจะถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น เริ่มต้นโดยการไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก่อนที่จะสายเกินไป รวมไปถึงหมั่นดูแลสุขภาพของตนเอง ผ่านการออกกำลังกาย และบริโภคอาหารที่มีคุณสมบัติในการลดน้ำตาลในเลือด เช่น การบริโภคแอปเปิ้ล ซึ่งปัจจุบันการดูแลสุขภาพของคุณ ทำได้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะ Applene ได้สกัดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ของแอปเปิ้ลจากฝรั่งเศส มาอยู่ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีคุณสมบัติในการลด น้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังประกอบด้วย Super Protein ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงเซลล์ทำให้ร่างกายของคุณกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
อ้างอิงข้อมูลจาก : www.health.kapook.com